รมว.ศธ. พร้อมตั้งกรรมการควบคุม รร.สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์

822
ณัฏฐพล" พร้อมตั้งกรรมการควบคุม ร.ร.สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์
รมว.ศธ. พร้อมตั้งกรรมการควบคุม ร.ร.สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์

รมว.ศธ. พร้อมตั้งกรรมการควบคุม รร.สารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์

                  เมื่อวันที่ 29ก.ย.2563 เวลา 11.30 น. นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษารมช.ศึกษาธิการ พร้อมด้วยนายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ได้เดินทางไปยังโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ เพื่อร่วมแก้ไขปัญหา และร่วมรับฟังการชี้แจงการเยียวยาช่วยเหลือนักเรียนที่ถูกทำร้ายแก่ผู้ปกครอง โดยมีผู้ปกครองมาร่วมรับฟังการเยียวยาในครั้งนี้กว่า 40 คน
                   ทั้งนี้นายอรรถพล กล่าวภายหลังการหารือกับผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ว่า จากการหารือร่วมกับคณะกรรมการโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ได้มีการสอบถามถึงข้อเท็จจริงในหลายเรื่อง ทั้งในเรื่องของการเก็บค่าธรรมเนียมที่ผู้ปกครองเรียกร้องว่ามีการเรียกเก็บเพิ่มเติมและราคาค่อนข้างแพง ซึ่งทางโรงเรียนได้ยอมรับผิดว่ามีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมปกติจริง โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากทางโรงเรียนไม่ได้มีการเก็บค่าธรรมเนียมตามที่ สช.กำหนด โดยให้หลักสูตร EP สามารถเก็บค่าธรรมเนียมได้เทอมละ 40,000 บาท รวมเป็นไม่เกิน 80,000 บาทต่อปี แต่ทางโรงเรียนเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพียงเทอมละ 17,000 บาท รวมต่อเทอม 34,000 บาท จึงต้องมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งหากผู้ปกครองท่านใดถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกิน 80,000 บาท เกินกว่าที่ สช.กำหนดทางโรงเรียนยินดีจะคืนเงินให้ทั้งหมด
                   เลขาธิการ กช. กล่าวอีกว่า นอกจากนั้น ในส่วนของการขอตรวจสอบใบประกอบวิชาชีพครูแต่ละชั้นเรียนนั้น ขณะนี้ทางโรงเรียนได้รวบรวมใบประกอบวิชาชีพครูทุกท่านและจะชี้แจงผู้ปกครองทุกคน รวมถึงหลังจากนี้ ทาง สช.ได้มีการออกมาตรการให้โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศ มีการติดใบอนุญาตประกอบอาชีพครู ทั้งหน้าห้องเรียน มีภาพถ่าย มีชื่อ นามสกุล เลขที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และวันหมดอายุ เพื่อเป็นการปิดช่องว่างไม่ให้มีการรับครูที่ไม่ได้มาตรการมาสอนในโรงเรียนเอกชนโดยโรงเรียนต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 5-7 วัน ซึ่งตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 12 ท่าน เพื่อเร่งดำเนินการตรวจสอบโรงเรียนแห่งนี้แห่งแรก ซึ่งเรื่องนี้ต้องคลีนและเคลียร์ หากมีความผิดทางอาญาก็จะดำเนินคดีถึงที่สุด และขณะนี้ได้มีการส่งภาพจากกล้องวงจรปิดไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ข้อมูลชัดเจน สช.จะเร่งแจ้งความดำเนินคดีทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นครู โรงเรียน ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายเด็กต่อไป
                    ต่อมาเวลา 12.00 น. นางกนกวรรณ ได้เดินทางมายังโรงเรียน เพื่อรับฟังการหารือ พร้อมกับกล่าวกับผู้ปกครอง ว่า สิ่งที่ทาง ศธ.จะดำเนินการต่อไป นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการครุสภา จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียน รวมทั้งครูที่เกี่ยวข้องในการนำคนที่ไม่ถูกต้อมาดูแลบุตรหลาน รวมถึงไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ไม่มีมวยล้ม และจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด โดยตนจะกำชับ ให้ดูแลและติดตามทุกเรื่องที่ผู้ปกครองได้ร้องทุกข์ ส่วนกรณีของผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในเครือสารสาสน์ ออกเพียงหนังสือชี้แจงไม่ลงมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่าไม่มีความพร้อมที่จะมาแก้ปัญหาให้กับผู้ปกครอง ซึ่งถือว่ามีความผิด เพราะไม่ได้แสดงความจริงใจ ตนจึงได้ส่งหนังสือไปถึง นายพิบูลย์ ยงค์กมล ผู้รับใบอนุญาต และทีมผู้บริหารเครือสารสาสน์ในวันที่ 30 ก.ย.นี้ แต่ถ้าไม่มาพูดคุยจะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามตนจะร่วมอยู่กับผู้ปกครองในกระบวนการตรวจสอบเรื่องต่าง ๆ ภายในโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองเกิดความสบายใจ
                          ขณะที่กรรมการผู้บริหารโรงเรียนกลุ่มสารสาสน์ กล่าวว่า ทางโรงเรียนตระหนักว่าเรามีความผิดพลาดในเรื่องนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการปรับโครงสร้างใหญ่ ปรับเปลี่ยนและแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ เอาทีมใหม่เข้ามา เอาครูใหม่เข้ามาและจะมีการประชุมผู้ปกครอง จะไม่นิ่งเฉยในเรื่องนี้อย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ทางผู้ปกครองขอดูใบประกอบวิชาชีพครูของครูทั้งโรงเรียนนั้น ขณะนี้ สช.ได้มีการนำเอกสารไปตรวจสอบ ซึ่งจะรีบแจ้งไปยังโรงเรียน ส่วนเรื่องอื่น ๆ จะเร่งเยียวแก้ไขทุกเรื่อง สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการย้ายลูกออก ทางโรงเรียนยินดีจะเยียวยาคืนค่าเล่าเรียนให้ แต่ถ้าผู้ปกครองท่านใดยังไว้ใจให้อยู่กับโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ต่อทางโรงเรียนจะปรับปรุงอนุบาลให้ดีขึ้น
                            ด้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม กล่าวว่า การดำเนินการเปิดโรงเรียนเอกชนถือเป็นบริการสาธารณะอย่างหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ สช. ควรจะมีการเปิดพื้นที่ให้กับสาธารณะชน เพื่อให้รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งนี้ และหน่วยงานที่กำกับดูแลก็ควรที่จะชี้แจงว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไรไม่ใช่ขอทำแบบเงียบ เพราะในกรณีนี้ไม่ได้มีการเผยแพร่รูป หรือข้อมูลของเด็กออกไป แต่เป็นการหารือเพื่อการแก้ปัญหาของโรงเรียนดังกล่าว การที่ตนได้เดินทางมาที่โรงเรียนแห่งนี้ เนื่องจากต้องการที่สอบถามถึงกระบวนการการรับบุคลากรของทางโรงเรียน ว่ามีการคัดเลือกมาแบบไหนอย่างไร เหตุใดจึงได้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ และวัฒนธรรมการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนมีการอนุญาตให้ลงโทษเด็กได้หรือไม่ อีกทั้งจากนี้ยังจะมีกลุ่มผู้ปกครองจะเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติมด้วย ดังนั้นตนจึงต้องการขอตรวจสอบภาพวงจรปิด เพื่อที่จะให้ความกระจ่างของเรื่องนี้ และประเทศเราได้ดำเนินการคุ้มครองเด็กมากน้อยเพียงใด และทำตามปฏิบัติตามอนุสัญญาสิทธิเด็กระหว่างประเทศหรือไม่ เพราะเด็กกลุ่มนี้ถือว่ายังไม่สามารถสื่อสารด้วยตนเองได้ ทั้งนี้ตนรู้สึกผิดหวังมากที่ไม่ได้มีการชี้แจงแบบที่ควรจะเป็นในทุก ๆ เรื่อง ซึ่งทางผู้บริหารควรจะชี้แจงให้ทราบว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งหากเรื่องนี้ ศธ.ทำไม่ชัดเจน ก็คงต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาดูแลแทน
                        บ่ายวันเดียวกัน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายอรรถพล เร่งแก้ปัญหาทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งพบว่ามีประเด็นปัญหาใน 3 เรื่องหลักๆ คือ 1.เรื่องการทำร้ายเด็ก ถือว่าผิดกฎระเบียบของ ศธ. 2. เรื่องพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่าไม่มีหน้าสอนหนังสือเด็ก และหากให้มาสอนหนังสือ จะถือว่าเป็นการกระทำผิด และ 3.เรื่องการเก็บค่าธรรมเนียม ต้องเป็นไปตามที่ ศธ.กำหนด และได้ออกประกาศไว้ ส่วนกรณีที่โรงเรียนเปิดรับนักเรียนห้อง EP เกินจำนวนนั้น ตามหลักการขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานศึกษาของโรงเรียนเอกชนนั้น ผู้ขอใบอนุญาตจัดตั้งจะต้องมีการยื่นสถานที่จัดตั้ง จำนวนห้องเรียน ชั้นเรียนจำนวนนักเรียน จำนวนครูผู้สอน หลักสูตรให้ชัดเจน และเป็นไปตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้ถึงจะออกใบอนุญาตจัดตั้งให้ ดังนั้นกรณีนี้ถือว่าไม่ถูกต้องก็ต้องหาทางช่วยเหลือเยียวยาต่อไป โรงเรียนดังกล่าวไม่สามารถแก้ไขให้ถูกต้องได้ก็อาจจะมีการตั้งคณะกรรมการเข้าไปควบคุม เพื่อแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สำหรับเรื่องใบประกอบวิชาชีพครูต้องไปพิจารณาดูว่าครูในโรงเรียนดังกล่าวมีใบประกอบวิชาชีพครูหรือไม่อย่างไร โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างครุสภาต้องเร่งตรวจสอบ นอกจากนั้นการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกห้อง เรื่องนี้ก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเช่นเดียวกัน เนื่องจากเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับสิทธิเด็กและตามหลักสากลจะไม่มีติดตั้งกล้องวงจรดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละประเทศด้วย“ปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนเครือสารสาสน์นั้น ผมเองได้ติดตามทุกเรื่องที่มีการร้องเรียนมา และสช.ได้เข้าไปตรวจสอบ รวมถึงจะต้องไปพูดคุยกับผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียน ส่วนการจะปิดโรงเรียนหรือไม่ คงต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทั้งในส่วนของครูที่ไม่เกี่ยวข้อง และเด็กที่ไม่ได้ถูกกระทำ อาจจะทำให้การเรียนไม่ต่อเนื่องด้วย” รมว.ศธ. กล่าว.
29ก.ย.2563
ครูอัพเดตดอทคอม ขอขอบคุณที่มาข่าวจาก  #At_HeaR