ที่ประชุมสมาพันธุ์ครูฯยืนยันต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ
โรงเรียนต้องเป็นนิติบุคคล งบประมาณต้องส่งตรงถึงโรงเรียน
ย้ำต้องมีหมวดว่าด้วยการศึกษาในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อให้การศึกษาของชาติ
มีความต่อเนื่อง
วันนี้ (6ก.ค.) นายสนอง ทาหอม ประธานสภามนตรีสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย
(ส.ค.ท.) เปิดเผยว่า จากการประชุม ส.ค.ท.เมื่อเร็ว ๆ นี้
ที่ประชุมได้มีการหารือถึงเรื่องการปฏิรูปการศึกษารอบใหม่
โดยยืนยันว่าต้องปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบทั้งการปฏิรูปครู ปฏิรูปหลักสูตร
ปฏิรูปสถานศึกษาที่ให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล
ปฏิรูประบบงบประมาณเพื่อให้ส่งถึงสถานศึกษาโดยตรง
ปฏิรูปโครงสร้างที่ยืนยันว่าการเป็นเขตพื้นที่การศึกษาที่เป็นอยู่ใน
ปัจจุบันน่าจะเพียงพอและเหมาะสมแล้ว
การบริหารงานบุคคลในส่วนของการประถมศึกษาและการมัธยมศึกษาก็ควรให้เป็นข้า
ราชการครูประเภทเดียวกันทั้งหมดตั้งแต่ระดับเลขาธิการถึงครูผู้สอน
นอกจากนี้ขอเสนอให้การร่างรัฐธรรมนูญมีหมวดว่าด้วยการศึกษาเป็นการเฉพาะ
เพื่อให้มีความต่อเนื่องในการดูแลการศึกษาของชาติ
นายสนอง กล่าวต่อไปว่า
ที่ประชุมยังได้เสนอให้ผู้เกี่ยวข้องการกับการเสนอเรื่องปฏิรูปการศึกษาผ่าน
ร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการอยู่โดยเฉพาะสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)
คณะกรรมาธิการการศึกษา สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)
ให้โอกาสครูในการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นร่วมกันเพื่อแสดงจุดยืนเรื่องการ
ถ่ายโอนการศึกษาให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามมาตรา 286
ของร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
รวมถึงควรมีการให้ความชัดเจนแก่ครูด้วยว่าระหว่างการแก้ไขกฎหมายการศึกษา
ต่าง ๆ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ่งใดควรออกมาก่อนกัน
เพราะขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังเกิดความสับสนและมีการถกเถียงกันมาก
“ที่ประชุมได้หารือถึงการบริหารเงินกองทุนสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่ง
คงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้
ช.พ.ค.ซึ่งเป็นเงินที่ธนาคารออมสินคืนมาให้แก่กองทุน
และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม
การทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)
ก็ได้มีการเสนอว่าควรให้ยุติการทำธุรกรรมทั้งหมดของกองทุนไว้ก่อนเพื่อรอผล
การตรวจสอบของ ป.ป.ช.” นายสนอง กล่าว.“
อ่านต่อที่ : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์