เตรียมสอบครูผู้ช่วยต้องอ่าน…มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ

1471

มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงศึกษาธิการ 2 เรื่อง คือ
1) อนุมัติร่างกฎกระทรวงในการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง ซึ่งรวมถึงการส่งเสริมการเรียนการสอน การวิจัยพัฒนาและการให้บริการทางการศึกษา การส่งเสริมนวัตกรรม
2) อนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาในการยกเว้นภาษีสำหรับการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2562

advertisement

อนุมัติกฎกระทรวงการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือก/วิธีเฉพาะเจาะจง

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ ร่างกฎกระทรวงกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน และกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือกและวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

สาระสำคัญ คือ การกำหนดพัสดุที่รัฐต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ได้แก่ (1) การส่งเสริมและพัฒนาด้านการเกษตร  (2) การส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และผู้ด้อยโอกาส (3) การส่งเสริมการเรียนการสอน (4) การส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา หรือการให้บริการทางการศึกษา (5) การส่งเสริมนวัตกรรม (6) การส่งเสริมสุขภาพและสาธารณสุข (7) การส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานและทรัพยากรธรรมชาติ (8) การส่งเสริมความมั่นคงด้านความปลอดภัยทางอาหารและสินค้าเกษตรและวิธีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ โดยวิธีคัดเลือก และวิธีเฉพาะเจาะจง สำหรับพัสดุดังกล่าว

อนุมัติมาตรการภาษีในการบริจาคให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย

advertisement

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้

สาระสำคัญ คือ ขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์เพื่อสนับสนุนการศึกษา โดยยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร ให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทย ตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ ที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2562 ภายใต้หลักการและแนวทางการปรับปรุงกฎหมาย ดังนี้

  • กำหนดให้บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ สามารถหักเป็นค่าลดหย่อนหรือรายจ่ายได้ 2 เท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบแล้ว และรายจ่ายในการจัดสร้างและบำรุงรักษาสนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือสนามกีฬาของเอกชนหรือของราชการแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการศึกษา
  • การบริจาคเงินหรือทรัพย์สิน จะต้องเป็นการบริจาคผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
  • ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ ให้แก่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือการขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคให้แก่สถานศึกษาข้างต้น โดยผู้โอนจะต้องไม่นำต้นทุนของทรัพย์สินหรือสินค้าซึ่งได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าวมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษีเงินได้นิติบุคคล
  •  มาตรการนี้จะมีส่วนช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐในด้านการศึกษาได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งภาคเอกชนจะมีทางเลือกในการสนับสนุนด้านการศึกษามากขึ้น ทำให้มีแรงจูงใจในการมีส่วนร่วมสนับสนุนและพัฒนาการศึกษา การวิจัยในสาขาต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เป็นการสร้างโอกาสทางการศึกษา อันมีผลต่อความยั่งยืนทางการศึกษาของประชาชน และก่อให้เกิดการยกระดับสถานศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญสู่ความเป็นเลิศ มีความเป็นสากล สามารถแข่งขันได้ในประชาคมโลก และนำไปสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืน

 

advertisement

ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ : http://www.moe.go.th