ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี
15/2559
แนวทางการพัฒนากิจการลูกเสือ
ศึกษาธิการ – พล.อ.ดาว์พงษ์
รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
หารือแนวทางการพัฒนากิจการลูกเสือร่วมกับนายสุธรรม
พันธุศักดิ์
ประธานคณะทำงานศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมลูกเสือไทย
คณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา
สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และคณะ
เมื่อวันจันทร์ที่ 11 มกราคม 2559 ที่ห้องประชุม
MOC โดยมี พ.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว
เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ,
นายชัยยศ อิ่มสุวรรณ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ในฐานะเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติ, นายเดช
วรเจริญศรี ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการ
สำนักงานลูกเสือแห่งชาติ เข้าร่วมหารือ
นายสุธรรม พันธุศักดิ์
ประธานคณะทำงานศึกษาเพื่อพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมลูกเสือไทย
ได้กล่าวรายงานสรุปเกี่ยวกับกิจการลูกเสือไทยในปัจจุบัน
มีสาระสำคัญดังนี้
ลักษณะของกิจการลูกเสือ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1) ลูกเสือภาคบังคับ (Compulsory)
คือลูกเสือในโรงเรียนที่มีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 7
ล้านคน ประกอบด้วย ลูกเสือสำรอง (8-11 ปี)
ลูกเสือสามัญ (11-16 ปี) ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่
(14-18 ปี) และลูกเสือวิสามัญ (16-25 ปี)
2) ลูกเสืออาสาสมัคร (Voluntary)
คือลูกเสือที่อยู่นอกโรงเรียนจำนวนทั้งสิ้น 7.4
ล้านคน ประกอบด้วย
ลูกเสืออาสาสมัครที่อยู่ในกองลูกเสือนอกโรงเรียน
สโมสรลูกเสือ และอาสาสมัครลูกเสือ และลูกเสือชุมชน
ได้แก่ ลูกเสือชาวบ้าน สมาคมสโมสรลูกเสือจังหวัด
ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศกว่า 7 ล้านคน
ผลการดำเนินกิจการลูกเสือ
ที่ผ่านมายังไม่มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
เนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ
– กิจกรรมของลูกเสือ
ไม่มีความโดดเด่นและไม่เป็นที่นิยม
– หลักสูตร ไม่มีการพัฒนาให้มีความทันสมัย
และไม่นำหลักสูตรที่ดีๆ มาปรับใช้ เช่น
หลักสูตรของประเทศญี่ปุ่น
– บุคลากร ไม่มีผู้บริหารระดับสูง (CEO)
มาบริหารงานแบบเต็มเวลา
ในส่วนของบุคลากรลูกเสือไม่ได้รับการพัฒนาและไม่มีระบบฐานข้อมูลรองรับ
– การบริหารทรัพย์สิน
ไม่มีการแสดงบัญชีทรัพย์สินและงบดุลที่สามารถตรวจสอบได้
ตลอดจนไม่มีการพัฒนาทรัพย์สิน/สิทธิประโยชน์ของลูกเสือให้เกิดเป็นรายได้
โดยเฉพาะค่ายลูกเสือที่มีอยู่ทั่วประเทศรวม 133
ค่าย แต่ได้รับการพัฒนาให้สามารถใช้งานได้ดีเพียง
9 แห่ง โดยในจำนวนนี้มีเพียง 5
แห่งเท่านั้นที่สามารถสร้างบริหารกิจการให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
แนวทางการแก้ไขปัญหา แบ่งเป็น 2 ระดับ คือ
1) ระดับนโยบาย
– จัดให้มีการประชุมสภาลูกเสือไทย
โดยขอให้นายกรัฐมนตรีในฐานะสภานายกของสภาลูกเสือไทย
กำหนดจัดการประชุมสภาลูกเสือไทยและให้กรรมการสภาเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พร้อมมอบนโยบายใช้กิจการลูกเสือเป็นเครื่องมือในการปลุกจิตสาธารณะในเด็ก
เยาวชน และประชาชนทั่วไป
– ปรับปรุงคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
โดยขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในฐานะประธานกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ
ปรับปรุงคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 15 คน
ให้สอดคล้องกับภารกิจที่ดูแลรับผิดชอบ
และจัดให้มีการประชุมอย่างต่อเนื่องเดือนละครั้งหรือ
2 เดือนครั้ง
2)
ระดับปฏิบัติการ
– สรรหา CEO
มาเป็นเลขาธิการสำนักงานลูกเสือแห่งชาติแบบเต็มเวลา
โดยสรรหามาจากผู้บริหารตำแหน่งรองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ระดับอธิบดีขึ้นไป หรือบุคคลจากภายนอก
ที่คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติเห็นชอบ
ซึ่งขอให้มีคุณสมบัติ 5 เก่ง-ดีเป็นอย่างน้อย
กล่าวคือ
เก่งกิจการลูกเสือ-การตลาด-การเงิน-การบริหาร-การสื่อสารหลายภาษา
โดยเฉพาะภาษาอังกฤษต้องสื่อสารได้ดี
และขอให้มีจิตสาธารณะ-มีวินัย-รักชาติ ศาสน์
กษัตริย์-มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์-มีบุคลิกภาพ
มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
โดยให้ค่าตอบแทนในระดับที่สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ
–
กำหนดให้มีลูกเสือจังหวัดในสำนักงานลูกเสือจังหวัด
77 จังหวัดๆ ละ 1-3 คน
เพื่อทำหน้าที่ประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดในการดำเนินกิจการลูกเสือระดับพื้นที่ทั่วประเทศ
โดยในอนาคตอาจจัดตั้งให้มีสำนักงานลูกเสืออำเภอต่อไป
– ปรับปรุงโครงสร้าง
โดยให้มีคณะอนุกรรมการบริหารและคณะอนุกรรมการตรวจสอบขึ้นตรงต่อคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ
และให้เลขาธิการสำนักลูกเสือแห่งชาติ
ทำหน้าที่บริหารงานสำนักงานลูกเสือแห่งชาติพร้อมทั้งปรับปรุงโครงสร้างภายใน
ซึ่งประกอบด้วย 4 ฝ่ายหลัก ได้แก่ ฝ่ายค่ายลูกเสือ
รายได้ และสิทธิประโยชน์ ฝ่ายหลักสูตรและกิจกรรม
ฝ่ายกิจการลูกเสือระหว่างประเทศ และฝ่ายบริหาร
– แสดงบัญชีทรัพย์สินและงบดุล
ขอให้มีการจัดทำบัญชีทรัพย์สินและงบดุลของสำนักงานลูกเสือแห่งชาตินำมาแสดงให้กรรมการตรวจสอบด้วย
ในการนี้
ได้นำเสนอแนวทางการพัฒนากิจการของลูกเสือในช่วงปี
2560-2563
เพื่อขอรับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลจำนวน 1,000
ล้านบาท
เพื่อเป็นทุนเริ่มต้นในการดำเนินงานพัฒนาค่ายและสินค้าของลูกเสือนำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น
อาทิ ค่าเช่าค่ายลูกเสือ/โรงแรมลูกเสือ,
สิทธิประโยชน์จากเครื่องหมาย ลิขสิทธิ์
ตราสัญลักษณ์กิจกรรมสำคัญ,
ธุรกิจค้าส่ง/ปลีกสินค้าลิขสิทธิ์
นอกจากนี้จะได้หาผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ
พร้อมทั้งการเก็บค่าธรรมเนียมจากค่ายลูกเสือเอกชนที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน
ซึ่งจะต้องมีมาตรฐานตามที่สำนักงานลูกเสือแห่งชาติกำหนด
และการปรับสัญญาค่าเช่า/ค่าบริการจากทรัพย์สินของสำนักงานลูกเสือแห่งชาติด้วย
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
กล่าวแสดงความเห็นด้วยกับการใช้กิจการลูกเสือในการปลูกฝังให้ผู้เรียนในระดับต่างๆ
มีจิตสาธารณะ
ซึ่งสอดคล้องกับการที่รัฐบาลมอบให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินนโยบายพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต
จึงได้ประกาศนโยบายให้มีการปลูกฝัง “การให้”
ให้กับเด็กๆ
โดยได้มอบให้ผู้บริหารองค์กรหลักจัดทำแผนการจัดกิจกรรมปลูกฝังผู้เรียนในทุกระดับให้รู้จัก
“การให้ เผื่อแผ่ แบ่งปัน” ตั้งแต่ระดับปฐมวัย
ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา
โดยจะต้องเลือกกิจกรรมที่มีความเหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละช่วงวัยและมีการ
ขับเคลื่อนพร้อมกันทั้งระบบต่อไป
ในส่วนของการสรรหา CEO
เพื่อทำงานแบบเต็มเวลา
จะต้องให้ความสำคัญกับการออกแบบคุณลักษณะของผู้ที่จะมาทำหน้าที่บริหาร
พร้อมสร้างกลไกการทำงานให้มีอำนาจหน้าที่ชัดเจน
สามารถขับเคลื่อนงานได้อย่างราบรื่น
รวมทั้งบริหารกิจการลูกเสือทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงศึกษาธิการให้สอดคล้อง
และเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้
ได้เน้นย้ำถึงลิขสิทธิ์เครื่องหมายหรือตราสัญลักษณ์กิจกรรมสำคัญของลูกเสือ
ซึ่งได้มอบนโยบายเกี่ยวกับการขอความร่วมมือกับผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ไปแล้ว
โดยขอให้องค์การค้าของ สกสค.ดำเนินการให้ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของกระทรวงศึกษาธิการเป็นหลัก
และควรจัดให้มีระบบกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ต่างๆ
ให้ดี
เพื่อเป็นการส่งเสริมให้โรงเรียนมาสั่งซื้อสินค้าจากองค์การค้าของ
สกสค.โดยตรงมากขึ้น
ถ่าย
: ยุทธพงศ์
เลือกกลั่นดี
ทั้งนี้ รมว.ศึกษาธิการ
ได้มอบให้คณะทำงานชุดนี้
ไปปรับปรุงแก้ไขแผนการพัฒนากิจการลูกเสือตามแนวทางของอริยสัจ4
ได้แก่ ทุกข์-สภาพปัญหา, สมุทัย-สาเหตุของปัญหา,
นิโรธ-วิธีการแก้ปัญหา, มรรค-แนวปฏิบัติ
และให้นำกลับมาเสนออีกครั้ง
เพื่อจะได้ร่วมกันพิจารณาให้มีความสมบูรณ์ก่อนนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ที่มา : ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี 15/2559