โพลผู้ปกครองนร.ระบุโรงเรียนกลายเป็นธุรกิจ-ความเป็นครูปัจจุบันน้อยกว่าอดีต!

621

เปิด
ผลโพลรับเปิดเทอม
ผู้ปกครองจำนวนมากเห็นว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมีความเหลื่อมล้ำและเป้นธุรกิจ
ผงะ!ครูปัจจุบันมีทั้งดีไม่ดีและพบว่าครูในอดีตมีความเป็นครูมากกว่า
ปัจจุบัน กังวลเรื่องเด็กติดเกม-ค่าเล่าเรียนสูงขึ้น

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
ได้เผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในวัยเรียนทั่ว
ประเทศ จำนวน 1,122 คน ระหว่างวันที่ 12-16 พฤษภาคม ในหัวข้อ
“เสียงจากผู้ปกครองวันเปิดเทอม” มีผลสำรวจที่น่าสนใจในหลายประเด็น

อาทิ ความคิดเห็นของผู้ปกครองต่อโรงเรียน พบว่า80.40%
เห็นเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 คอยดูแลอบรมสั่งสอนเด็กให้มีความรู้
แต่ก็พบว่าผู้ปกครองเห็นว่าแต่ละโรงเรียนมีความเหลื่อมล้ำ
มาตรฐานแตกต่างกัน ไม่เท่าเทียมสูงถึง74.33% และสูงถึง71.12%
ที่ผู้ปกครองเห็นว่าโรงเรียนปัจจุบัน เป็นธุรกิจวิชาการ
ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินมากเกินไป

ในความคิดเห็นของผู้ปกครอง ต่อหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน พบว่า อันดับ 1
มีความเป็นสากล พร้อมเข้าสู่อาเซียน และสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ
ได้77.27% อันดับ 2สอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ความเป็นไทย
และศาสนา 73.26% อันดับ 3 สอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์มากกว่าท่องจำ
เน้นการปฏิบัติจริง มีกิจกรรมให้ทำร่วมกัน 67.11%

ที่น่ากังวลคือความคิดเห็นของผู้ปกครองต่อครู นั้น พบว่า

•  อันดับ 1 ถึง75.40% ที่ระบุว่าครูมีทั้งดีและไม่ดี ครูในอดีตมีความเป็นครูมากกว่าปัจจุบัน
•  อันดับ 2มีภาระงานมาก ต้องทำงานเอกสาร ไม่มีเวลาดูแลเด็กได้เต็มที่ 66.58%
•  อันดับ 3 ควรเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำกับเด็กได้ เป็นต้น

สำนักโพลยังได้ถามถึงสิ่งที่ผู้ปกครองกังวลต่อการศึกษาไทย ณ วันนี้
พบว่า อันดับ 1 เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ติดเกม ติดเทคโนโลยี
ไม่สนใจการเรียน 72.19% อันดับ 2 การศึกษาไทยล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ
ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร 70.32% อันดับ 3 มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
คุณภาพไม่เท่าเทียมกัน 68.98% อันดับ 4ใช้งบประมาณเพื่อการศึกษาจำนวนมาก
ทำให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น ไม่โปร่งใส 63.73%อันดับ 5
มีชั่วโมงเรียนมากเกินไป เน้นการสอบวัดผล ต้องไปเรียนพิเศษกวดวิชาเพิ่ม
56.68%

นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้ปกครองกังวลในช่วงเปิดเทอม คือ อันดับ 1
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเล่าเรียนสูงขึ้น เช่น ค่าเทอม ชุดนักเรียน
อุปกรณ์การเรียน 83.50% อันดับ 2 การเตรียมพร้อมของเด็ก เช่น การตื่นนอน
การปรับตัว การคบเพื่อน อาหารการกิน 76.47% อันดับ 3 พฤติกรรมของครู การสอน
การลงโทษเด็ก66.31% อันดับ 4การเดินทางไปเรียนของบุตรหลาน การจราจร
อุบัติเหตุ ความปลอดภัย65.51% อันดับ 5บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในโรงเรียน
อาคารเรียน สถานที่เรียน62.83%

ส่วนข้อเสนอแนะของผู้ปกครองที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือบุตรหลานเรื่องการ
ศึกษานั้นพบว่าอันดับ 1 ให้การสนับสนุนด้านทุนการศึกษา ทุนเรียนฟรี
สำหรับเด็กด้อยโอกาส เรียนดี ยากจน 70.59%อันดับ 2
ให้ความสำคัญและสนใจแก้ไขปัญหาการศึกษาของเด็กอย่างจริงจัง 69.25%อันดับ 3
ดูแลตรวจสอบและพัฒนาทุกโรงเรียนให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานเดียวกัน 67.65%
อันดับ 4 กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัย 59.09%
อันดับ 5 ผลิตครูดีมีความรู้ความสามารถ
มีบทลงโทษครูที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 47.59%

อีกคำถามผู้ปกครองคิดว่า “การจัดการศึกษาของชาติ” ควรทำอย่างไร พบว่า

• อันดับ 1 กระทรวงศึกษาธิการต้องมีนโยบายที่ต่อเนื่อง แก้ปัญหาตรงจุด ทำงานรวดเร็วมีประสิทธิภาพ 68.45%
• อันดับ 2 เน้นเรื่องการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ความรักความสามัคคี เป็นคนดีของสังคม 63.10%
• อันดับ 3 เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง พัฒนาทักษะการเรียนรู้และการใช้ชีวิต 58.82%
• อันดับ 4 ให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมกำหนดทิศทางในการจัดการศึกษา เปิดรับฟังความคิดเห็น 54.01%
• อันดับ 5 พัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางวิชาการ มีทักษะด้านภาษาและเทคโนโลยี 45.99%.

พบเห็นไฟล์หรือเนื้อหาที่ไม่สามารถดาวน์โหลดหรือเปิดได้ หรือไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งเราได้ที่ : https://www.facebook.com/krooupdatedotcom/